การผ่าตัดแปลงเพศเป็นอย่างไร
ในการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิงหรือจากหญิงเป็นชายนั้นจะเป็นการผ่าตัดตกแต่งอวัยวะด้านหนอกให้เป็นรูปร่างคล้ายอวัยวะเพศหญิงหรือคล้ายอวัยวะเพศชาย ซึ่งในการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิงจะดูสมจริงมากกว่าการผ่าตัดแปลงเพศจากหญิงเป็นชาย การผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศจากหญิงเป็นชายต้องใช้เวลาในการผ่าตัดมากกว่า 1 ปีซึ่งจะมีรายละเอียดเยอะกว่าการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิง
สำหรับในการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิงนั้นจะมีให้เลือกว่าต้องการทำช่องคลอดด้วยหรือไม่ ถ้าต้องการมีเพศสัมพันธุ์สามารถเลือกให้คุณหมอสร้างช่องคลอดได้แต่ถ้าไม่ต้องการมีเพศสัมพันธ์คุณหมอจะทำการเปลี่ยนแปลงเฉพาะอวัยะเพศด้านนอกให้เหมือนเพศหญิงแค่นั้น
คุณสมับติของผู้จะเข้าผ่าตัดแปลงเพศ
แปลงเพศ
สำหรับเพศชายที่ต้องการเปลี่ยนเป็นเพศหญิง
1.มีอายุ 20 ปี หากอายุไม่ถึง 20 ปีต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครอง
2.ได้รับฮอร์โมนหญิงอย่างต่อเนื่องมาประมาณ 1 ปี
3.ได้ใบรับรองจากจิตแพทย์ว่าจิตอยู่ในภาวะปกติ
4. สุขภาพร่างกายแข็งแร็ง
สำหรับเพศหญิงที่ต้องการศัลยกรรมเปลี่ยนเพศเป็นชาย
1. หนังรับรองจากจิตแพทย์ว่า
- เป็นผู้มีความผิดปกติในเอกลัษณ์ทางเพศ
- เป็นผู้ชายชีวิตเยี่ยงเพศชายมาแล้วอย่างน้อย 1 ปี (คือเป็นทอมจริงๆนั่นแหละ)
2. หนังสือรับรองจากแพทย์ว่าได้รับฮอร์โมนเพศชาย
3. ต้องไดรับฮอร์โมนเพศชายต่อเนื่องอย่างน้อย 1 ปี
4. สุขภาพร่างกายแข็งแรง
5. มีอายุ 20 ปี หากอายุไม่ถึง 20 ปีต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครอง
เอกสารหลักฐานก็เหมือนกันเพียงแต่การเตรียมตัวอาจจะไม่เหมือนกันตรงที่ฮอร์โมนซึ่งถ้าชายเป็นหญิงต้องได้รับฮอร์โมนเพศหญิง ถ้าหญิงเป็นชายต้องได้รับฮอร์โมนเพศชายอย่างน้อย 1 ปี
แปลงเพศชายเป็นหญิง
การผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง ปัจจุบันเริ่มมีความนิยมมากขึ้นแล้ว เพราะมีอยู่ไม่น้อยที่ผู้หญิงอยากเป็นผู้ชาย และผู้ชายกลับอยากเป็นผู้หญิง การทำศัลกรรมแปลงเพศจึงเป็นทางออกให้กับผู้ที่ต้องเปลี่ยนตัวเอง และยังส่งผลประโยชน์ถึงในเรื่องของการดำเนินชีวิตที่เหมือนคนปกติทั่วไปได้ การผ่าตัดแปลงเพศจะมีความยาก ง่ายแค่ไหนนั้น ThaiHealth.in.th จะมาบอกกันค่ะ
ศัลยกรรมการแปลงเพศจาก ชายเป็นหญิง แบบปกติ
(Penile Skin Inversion/Scrotal Skin Graft)
ข้อควรรู้ก่อนเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ
การผ่าตัดแปลงเพศ จำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญอย่างสูงของ ศัลยแพทย์ผู้ทำ การผ่าตัด โดยจากการทำงานอันยาวนานกว่า 30 ปีและเป็นที่ยอมรับทั้งจากในประเทศและนานาชาติในการผ่าตัดแปลงเพศผู้ป่วยจาก ทั่วโลก (จากชายเป็นหญิงประมาณ 3300 ราย และจากหญิงเป็นชายประมาณ 280 ราย) ของนายแพทย์ปรีชา เตียวตรานนท์ รวมไปถึงการเป็นผู้ฝึกหัดศัลยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดแปลงเพศทั้งหมดของประเทศ ไทย เป็นสิ่งยืนยันความเป็นมืออาชีพของทีมศัลยแพทย์ของ PAI
ผู้ที่จะเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี และจะต้องได้รับการอนุญาตจากผู้ปกครองหากมีอายุต่ำกว่า 20 ปี
การเลือกว่าเทคนิคไหนเหมาะสม คนไข้สามารถตัดสินใจโดย
1. ถ้าขนาดของอวัยวะเพศของเราปัจจุบันเวลาแข็งตัวยาวน้อยกว่า 6 นิ้ว คำตอบคือ คุณน่าจะเลือกการทำแบบต่อลำไส้ เพราะว่าสามารถเพิ่มขนาดความลึกของอวัยวะเพศหลังแปลงแล้วถึง 7-8นิ้ว ซึ้งเหมาะกับการมีเพศสัมพันธ์กับคู่ที่มีอวัยวะเพศที่ยาวกว่า 6 นิ้วขึ้นไป
2. การทำโดยต่อลำไส้จะสามารถมีน้ำหล่อลื่นเองระหว่างมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์การหล่อลื่นช่วย ส่วนการทำแบบธรรมดา เหมาะกับคนไข้ที่มีขนาดอวัยวะเพศเดิมยาว (เวลาแข็งตัว) มากกว่า 6 นิ้ว
โดยสรุป
1. การแปลงเพศแบบธรรมดา หรือเรียกว่า Penile Skin Inversion and/or Scrotal Skin Graft (self- lubricate with organism) แบบนี้จะเหมาะกับผู้ที่มีความยาวตามขนาดก่อนแปลง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีความยาวก่อนแปลง เวลาแข็งตัวประมาณ 5-6 นิ้ว หลังทำการแปลงเพศ ความลึกของช่องคลอด ของเราจะอยู่ที่ประมาณ 5-6 นิ้วเช่นกัน
2. การแปลงเพศแบบใช่ลำไส้ หรือเรียกว่า Sigmoid Colon (lubricate with organism) แบบนี้จะเหมาะกับผู้ที่มีความสั้นตามขนาดก่อนแปลง แต่ต้องการเพิ่มความลึกให้กับช่องคลอด ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีความแข็งตัวก่อนแปลง เวลาแข็งตัวประมาณ 1-4 นิ้ว หรือน้อยกว่านี้ หลังทำการแปลงเพศโดยการทำแบบลำไส้ ความลึกของช่องคลอดของเราจะอยู่ที่ประมาณ 6 นิ้ว ขึ้นไป
แปลงเพศชายเป็นหญิง
สำหรับจุดกระสันต์
ปกติเทคนิคเดิมที่ใช่กับคนไทย จะมีจุดกระสันต์ทั้งหมด 3 จุด
จุดที่ หนึ่ง ที่ ปลายอวัยวะเพศชาย ที่นำมาทำ Clitoris จุดนี้จะอยู่ด้านบนของอวัยวะเพศหญิง
จุดที่ สอง ที่เส้นปัสสาวะ
จุดที่ สามคือ ต่อมลูกหมาก
เทคนิคใหม่ที่ทางเราคิดค้น มีทั้งหมดอย่างน้อย 5 จุดหลัก เเต่ละจุดจะมีความรู้สึกถ่ายทอดกันทุกจุด
จุดที่ หนึ่ง ที่ ปลายอวัยวะเพศชาย ที่นำมาทำ Clitoris จุดนี้จะอยู่ด้านบนของอวัยวะเพศหญิง
จุดที่ สอง ที่เส้นปัสสาวะ จะนำมาไว้กับช่องคลอด
จุดที่ สามคือ ต่อมลูกหมาก จะอยู่ข้างใน
จุดที่ สี่ คือ รอบนอก จะวางจุดกระสันต์เพื่อเกิดความรู้สึก เเบบ Sensitive
จุดที่ห้า คือ รอบนอก เเละระหว่างทางเข้าของช่องคลอด
ทั้งห้าจุดนี้จึงทำให้เกิดจุดกระสันต์มากกว่าเเบบปกติ
การใช้ฮอร์โมนก่อนการแปลงเพศ
โดยทั่วไปแล้วก่อนที่คนไข้จะตัดสินใจ ผ่าตัดแปลงเพศ จิตแพทย์จะต้องทำการทดสอบคนไข้ก่อนว่าพร้อมที่จะใช้ชีวิตเป็นผู้หญิงหรือไม่ โดยการใช้ฮอร์โมนหรือการแต่งตัวเป็นผู้หญิงร่วมอย่างน้อย 6 เดือนก่อนการผ่าตัด เป็นต้น ฮอร์โมนเพศหญิงที่จะให้กับคนไข้ได้แก่ เอสโตรเจนหรือโปรเจสเตอโรนโดยจะให้เป็น 2 เท่าของผู้หญิงทั่วไป ในขณะเดียวกันก็จะให้ยากดฮอร์โมนเพศชาย เพื่อช่วยให้รูปลักษณ์ความเป็นชายลดลงและเพื่อช่วยลดอารมณ์ทางเพศ การกดฮอร์โมนเพศชายนี้จะต้องทำอย่างต่ำ 2 ปี อย่างไรก็ตามคนไข้จะต้องตระหนักถึงผลของการใช้ฮอร์โมนในระยะยาว ได้แก่มีโอกาสที่เส้นเลือดดำจะอุดตัน หรือเป็นมะเร็งเต้านม ดังนั้นการใช้ฮอร์โมนควรอยู่ภายใต้การวินิจฉัยของแพทย์อย่างเคร่งครัด

เกี่ยวกับการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิง
ขั้นตอนสำคัญของการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิงคือการสร้างช่องคลอดซึ่งมีทำอยู่ 3 วิธีด้วยกัน
1. การสร้างช่องคลอดจากผิวหนังอวัยวะเพศชาย ในกรณีที่คนไข้มีความยาวอวัยวะเพศมากกว่า 6 นิ้ว
2. การสร้างช่องคลอดจากผิวหนังอวัยวะเพศชายร่วมกับผิวของถุงอัณฑะ ในกรณีที่คนไข้มีความยาวอวัยวะเพศระหว่าง 2 ถึง 6 นิ้ว
3. การสร้างช่องคลอดจากผิวหนังอวัยวะเพศชายร่วมกับลำไส้ใหญ่ ในกรณีที่คนไข้มีความยาวอวัยวะเพศต่ำกว่า 2 นิ้ว หรือในกรณีที่คนไข้ต้องการให้ช่องคลอดมีความลึกมากกว่า 8 นิ้ว
ข้อดีของการสร้างช่องคลอดจากผิวหนังอวัยวะเพศชายคือภาวะแทรกซ้อนต่ำ ไม่มีแผลเป็นให้เห็นภายนอก ซึ่งแตกต่างจาก การสร้างช่องคลอด โดยใช้ลำไส้ใหญ่ร่วมที่นอกจากจะมีแผลเป็นให้ เห็นแล้ว ยังราคาสูงและมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆได้สูงกว่า เช่น ลำไส้รั่ว อย่างไรก็ตามการผ่าตัดโดยใช้ลำไส้ใหญ่ร่วมมีข้อดีกว่าการใช้เฉพาะผิวหนัง จากอวัยวะเพศชายคือ ช่องคลอดที่ได้มีความยืดหยุ่นกว่า มีเมือก ผิวสัมผัสเรียบ ไม่หยาบ และไม่มีขน โดยก่อนผ่าตัดคนไข้จะต้องเข้ารับคำปรึกษาจากศัลยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดเกี่ยว กับขั้นตอนและวิธีการโดยละเอียด เพื่อพิจารณาเลือกวิธีผ่าตัดที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับคนไข้มากที่สุด

วิธีการสร้างช่องคลอดจากผิวหนังอวัยวะเพศชายร่วมกับลำไส้ใหญ่
การผ่าตัดแบ่งเป็น 9 ขั้นตอนด้วยกันคือ
1. ทำช่องระหว่างอัณฑะและทวาร เพื่อสร้างเป็นรูเปิดช่องคลอด ความลึกของช่องคลอดที่ได้จะประมาณ 4 ถึง 8 นิ้ว (ผู้หญิงทั่วไปมีช่องคลอดลึกประมาณ 4 นิ้วครึ่ง)
2. ตัดเปิดถุงอัณฑะ และตัดอัณฑะทิ้ง
3. ตัดเปิด ผิวหนังอวัยวะเพศชาย ตามแนวยาวโดยยังคงเก็บส่วนผิวหนังของหัวองคชาติที่ห่อหุ้มเส้นประสาทไว้
4. แยกและเก็บเฉพาะท่อปัสสาวะจากแกนกลางอวัยวะเพศชายเพื่อนำมาทำเป็นผิวที่เชื่อมต่อระหว่างคลิโตริสและรูปัสสาวะ (floor of vulva)
5. ตัดเปิดผิวหนังส่วนหัวและท้ายของหัวองคชาติที่เก็บไว้ในขั้นตอนที่ 3 โดยเก็บแค่ส่วนผิวหนังตรงกลาง ผิวหนังส่วนนี้ต่อมาจะถูกนำมาทำเป็น คลิโตริส ของอวัยวะเพศหญิง
6. นำลำไส้ใหญ่ประมาณ 15 ถึง 20 เซนติเมตรมาต่อกับผิวหนังของอวัยวะเพศชายจากขั้นตอนที่ 3 เพื่อบุเป็นผิวช่องคลอด
7. สร้างคลิโตริส (clitoroplasty) จากผิวหนังอวัยวะเพศชายที่เก็บไว้ตั้งแต่ขั้นตอนที่ 5 คลิโตริสใหม่ที่ได้นี้ยังคงมีเส้นประสาทครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนั้นคนไข้จะยังคงรับความรู้สึกได้เหมือนเดิมเมื่อมีเพศสัมพันธ์
8. จัดวางท่อปัสสาวะจากขั้นตอนที่ 4 ให้เป็นผิวที่เชื่อมต่อระหว่างคลิโตริสและรูปัสสาวะ ด้วยวิธีการนี้จะทำให้ได้อวัยวะเพศหญิงที่เหมือนจริง เป็นสีชมพูทั้งหมด สวยงาม วิธีการนี้แตกต่างจากที่ทำกันในต่างประเทศที่จะใช้ผิวหนังมาทำแทน ทำให้อวัยวะเพศหญิงที่ได้มีสีหมองคล้ำ ไม่สวยงาม
9. ปรับแต่งรูปร่างอวัยวะเพศหญิงให้สวยงามทั้งแคมในและแคมนอกจากผิวอวัยวะเพศชายและ ถุงหุ้มอัณฑะ
ผลลัพธ์
ด้วยวิธีการวางท่อปัสสาวะให้เป็นผิวเชื่อมต่อระหว่างคลิโตริสกับรู ปัสสาวะ จะทำให้คนไข้มี อวัยวะเพศหญิง เป็นสีชมพูโดยตลอด ซึ่งแตกต่างจากวิธีการที่ต่างประเทศทำกันที่สุดท้ายแล้วอวัยวะเพศหญิงที่ได้ จะมีสีหมองคล้ำ อย่างไรก็ตามวิธีการนี้จะต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของศัลยแพทย์ผู้ทำ การผ่าตัดอย่างสูง เนื่องจากท่อปัสสาวะที่ใช้มีโอกาสหดตัว ทำให้ตำแหน่งของรูปัสสาวะเคลื่อนที่ผิดตำแหน่งเมื่อเวลาผ่านไป นอกจากคนไข้จะได้อวัยวะเพศหญิงที่มีสีสันต์ รูปร่างสวยงามและเหมือนจริงแล้ว คลิโตริส ที่ทำขึ้นมาใหม่ยังมีเส้นประสาทครบถ้วน ทำให้สามารถรับความรู้สึกได้ปกติเมื่อมีเพศสัมพันธ์

ที่มา: http://board.postjung.com/825183.html
0 Comment " รู้ไว้ใข่ว่า....การแปลงเพศจาก ชายเป็นหญิง"